วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560



ประวัติวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
 
เมื่อก่อนธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์  ธรรมชาติภูเขาลูกนี้ พิเศษ แปลกไปจากภูเขาลูกอื่นๆ คือ  มีหินคล้ายลูกมะพร้าวเต็มไปหมด ทุบออกมาจะมีฝุ่นหรือเม็ดหินใสแวววาวระยับคล้ายเพชรและพลอย  ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์  เอาไปรักษาโรค เรียกมะพร้าวฤษีทำเอาไว้ จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า ภูพร้าว 
ครั้นเมื่อพระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ  เดินทางมาเผยแผ่ธรรมะทางฝั่งไทย ท่านได้มาพักปักกลดที่ภูพร้าวแห่งนี้  ในราวปี พ.ศ.2497 ถึง 2516 ท่านได้มาขอบิณฑบาตสถานที่บนภูพร้าวแห่งนี้เป็นวัดจากทางหน่วยทหารและทางราชการนายอำเภอพิบูลมังสารหาร  ในราวปี พ.ศ.2500 - 2514  ขณะกำลังมีการสำรวจระดับที่จะสร้างเขื่อนสิรินธร  ทางหน่วยทหารและทางราชการอำเภอ  จึงให้ตั้งชื่อวัดเป็น วัดสิรินธรวราราม ท่านสร้างศาลาหลังหนึ่งไม่ใหญ่นัก พอเป็นที่พักรองรับญาติโยม ซึ่งได้หมดสภาพ และมีการสร้างศาลาแทนหลังเดิมที่เห็นอยู่นี้  เมื่อท่านพระอาจารย์บุญมาก ได้มาพำนักพักอาศัยพื้นที่แห่งนี้ในการปฏิบัติธรรม ท่านอธิฐานและรู้ด้วยญาณ  ท่านได้ปรารภกับศิษย์ไว้ว่า 
 “เธอคอยดูต่อไปในอนาคต  จะมีผู้มีบุญจะมาบำเพ็ญบารมีของเขาให้เต็มบริบูรณ์  เขาจะมาสร้างสถานที่แห่งนี้ให้รุ่งเรือง จะมีพระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกาจำนวนมาก มาในสถานที่แห่งนี้  ปราชญ์บัณฑิตจะแวะมาพักอาศัยมิได้ขาด
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว  หรือนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินธรจังหวัดอุบลราชธานี
เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอด
เขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า  จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียว
ของของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะ
สำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา6.00.19.30 น. ซึ่งหากโชคดีก็จะได้เห็นดวงดาวมากมายเต็ม
ท้องฟ้า อีกด้วย  แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจน
เท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวบางท่านที่มาเก็บภาพความงดงามผ่านสาย
ตาต้องเผื่อใจไว้เล็กน้อยนอกจากความมหัศจรรย์ของพระอุโบสถแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ซึ่งเป็น
วิวลำน้ำโขง และบริเวณด้านหลังพระอุโบสถเป็นจุดชม วิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวและมองเห็นด่านสากล
ช่องเม็กอย่างสวยงามรวมทั้งอ่างเก็บน้ำที่อยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาป  โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์
ตกดินเราเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงโตซึ่งเป็นบรรยากาศที่สวยงามมาก สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง
เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองโดยมีแรงบันดาล
ใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร โดยใช้สารเรืองแสง หรือ สารฟลูออเรสเซนต์รอบต้น 
คุณสมบัติของสารฟลูออเรสเซนต์จะรับแสงพระอาทิตย์ ในตอนกลางวัน พร้อมกับที่ศิลปกรรมชิ้นนี้ ได้หันหน้า
ไปทางทิศตะวันออก หรือหันข้างไปทางทิศตะวันตก ก็เลยเหมือนเป็นฉากกั้น พลังงาน ในช่วงเวลาตอนกลางวัน
แล้วจะฉายแสงออกมาในตอนกลางคืน คือเป็นการคายพลังงานออกมา  ตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจาก วัดเชียงทอง
ประเทศลาว เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า
ทางเข้าเป็นต้นสาละ ส่วนตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว แต่มีความกว้างมากกว่า 1 เท่า 
และความยาวมากกว่า2เท่าเสาแต่ละต้นลง ลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลาย
ตามคติบัว 4 เหล่า หัวใจหลักของการทำพุทธศิลป์ คือ การนำเสนอ งานศิลปะที่เกิดจากความสงบ ความเพียร
ความอดทน และวิสัยทัศน์ งานแต่ละชิ้นต้องคิดจากความคิดอันวิจิตรและขบคิดมาก่อนทั้งสิ้น
อย่างแนวคิดการจำลองให้วัดเป็นเขาพระสุเมรุตรงกลางของพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของพระประธาน
แต่เดิมที่คล้ายกับพระพุทธชินราช ในจังหวัดพิษณุโลก แต่มีการนำเพียงส่วนรัศมีออกไป 
เพื่อให้แลดูกลมกลืนกันยิ่งขึ้น พร้อมกับได้ทำฉากหลังเป็นต้นโพธิ์ โดยเบื้องบนติดด้วยแผ่นพระทอง
ส่วนการสร้างวัดนั้น ท่านพระอาจารย์บุญมากเป็นผู้ริเริ่ม ท่านเป็นคนฝั่งลาวจำปาสักเข้ามาเผยแพร่อบรม
สมาธิทางฝั่งไทและได้ปักกลด ที่ภูพร้าวแห่งนี้ในปี 2497-2498 ต่อมาปี 2516ท่านได้ขอบิณฑบาตพื้นที่
ให้เป็นวัดจากทางหน่วยทหารและทางราชการอ.พิบูลมังสาหาร ทางอำเภอจึงให้ตั้งชื่อวัดว่าวัดสิรินธรวราราม
หลังจากนั้นท่านพระอาจารย์บุญมากต้องกลับประเทศลาว ทิ้งให้วัดร้างหลายสิบปี จนกระทั่งปี 2542 
พระครูกมล ลูกศิษย์ของท่านได้ค้นพบวัดอีกครั้งและบูรณะให้กลับมาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมได้ดังเดิม
หลังจาก พระครูกมลละสังขารไปในปี 2549พระครูปัญญาก็เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดและสานต่องาน
สร้างวัดต่อไป อย่างต้นกัลปพฤกษ์ เรืองแสงเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว ส่วนพระอุโบสถยังมีการแต่งเติมอยู่เรื่อยๆ
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
ขอขอบคุณเว็บดีๆจาก http://sirindhornwararam.blogspot.com/2010/11/blog-post.html
และ    http://paiduaykan.com/province/Northeast/ubonratchathani/watsirintorn.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น